เปิด 5 เรื่องราว ความเป็นมาของการ “ กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ ” อาร์เซนอล ยอดทีมย่านฮอลโลเวย์ กรุงลอนดอน ศึก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
1.ก่อ” กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ “

กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล (Arsenal Football Club) คือหนึ่งสโมสรฟุตบอลเก่าแก่ของ อังกฤษ ทีมหนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ พร้อมเรื่องราว และความสำเร็จมากมายจนถูกกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้

สโมสร อาร์เซน่อล ถือกำเนิดขึ้น เมื่อกลุ่มคนงานสังกัดโรงงานผลิตอาวุธอาร์เซน่อล ในเขต วูลวิช ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ร่วมตัวก่อตั้งทีมฟุตบอลของตนเองขึ้น ในช่วงยุคปี 1886 ซึ่งสโมสร อาร์เซน่อล ในขณะนั้น ภายใต้ชื่อทีม “ไดอัล สแควร์” (Dial Square) ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการเกมแรกด้วยการเอาชัยชนะ ทีมอีสเทิร์น วันเดอเรอร์ส 6-0 ในวันที่ 11 ธันวาคม ปี 1886
5 ปีให้หลังจากการก่อตั้ง ไดอัล สแควร์ ยังคงส่งทีมลงแข่งขันในเกมอุ่นเครื่องหรือรายการท้องถิ่นเรื่อยมา จนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1891 ไดอัล สแควร์ ได้เปลี่ยนชื่อ จากเดิมเป็น “วูลิชอาร์เซนอล” Woolwich Arsenal สองปีผ่านไป อาร์เซนอล ได้ก้าวเข้าสู้เส้นทางฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว หลังทีมสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในฟุตบอลลีกได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1893 ก่อนที่ ปืนใหญ่ จะประสบปัญหาทางด้านการเงิน และ เป็น

เฮนรี นอร์ริส (Henry Norris) นังธุรกิจท้องถิ่น ได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรไว้ จากนั้นในปี ค.ศ. 1913 “วูลิชอาร์เซนอล” ตกชั้นจากดิวิชั่น 1 มาอยู่ดิวิชั่น 2 ตามเดิม และ เฮนรี ได้ย้ายทีมของเขาเข้ามาเล่นในสนามไฮบิวรี่ในปีเดียวกัน

อย่างไรก็ตามปีต่อมา สโมสรตัดสินใจตัดคำว่า “วูลิช” ออกจากชื่อสโมสรจนเหลือเพียง อาร์เซนอล เท่านั้นจนถึงปัจจุบัน
กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ เมื่อยุโรปก้าวสู่ยุคสงคราม ต่อมาในปี 1914 เกิดความขัดแย้งจนบานปลายจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น ความขัดแย้งกินเวลายาวนานและสิ้นสุดลงในในปี 1918 ขณะที่ลีกดิวิชั่น 1 ของอังกฤษ ในเวลานั้น ได้เพิ่มจำนวนทีมแข่งขันเป็น 22 ทีม และ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมการแข่งขันในลีกสูงสุดนี้ด้วยอีกครั้ง และโลดแล่นแบบไม่เคยตกชั้นเลยนับตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน

เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ความจุสนาม 60,355 ที่นั่ง
ในช่วงระหว่างทศวรรษ 1930 อาร์เซน่อลได้แชมป์ลีก 5 สมัย โดยแชมป์สมัยแรกมาถึงในปี 1931 ภายใต้การคุมทีมของเฮอร์เบิร์ต แช็ปแมน ในฤดูกาล 1932/33 และ 1934/35 อาร์เซน่อลก็ทำทริปเปิลแชมป์ (ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งในลีกสูงสุด) และในทศวรรษนี้เอง อาร์เซน่อลก็เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพได้อีก 3 ครั้ง โดยคว้าแชมป์มาครองได้ 2 ครั้ง และมีนักเตะระดับตำนานของวงการฟุตบอลอังกฤษอยู่ในทีมหลายคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ เจมส์,เท็ด เดร็ค,คลิฟฟ์ บาสติน,เดวิด แจ๊ค,เอ๊ดดี้ แฮ็ปกู้ดและจอร์จ เมล ซึ่งล้วนแต่เป็นกำลังสำคัญของทีมที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งที่เคยมีมาในฟุตบอลลีก น่าเศร้าที่แช็ปแมน ผู้จัดการทีม เสียชีวิตลงในปี 1934 แต่ก็มีคนเข้ามาสานต่อในสิ่งที่เขาสร้างไว้ต่อไป ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะทำให้การเดินหน้าของอาร์เซน่อลต้องหยุดชะงักลง / กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่
2.บุรุษผู้สร้างอาร์เซน่อล “เฮอร์เบิร์ต แชปแมน” (Herbert chapman)

ปืนใหญ่ ก้าวเข้าสู้ความสำเร็จอย่างมากในยุคของชายผู้มีนามว่า เฮอร์เบิร์ต แชปแมน (Herbert chapman) แชปแมนคือผู้จัดการทีมผู้สร้าง อาร์เซน่อล และยกระดับทีมให้กลายเป็นทีมชั้นนำพร้อมผลงานงานครองแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 3 สมัย ในช่วงยุคทศวรรษที่ 20-30 ด้วยการวางรากฐานความสำเร็จให้อาร์เซน่อลเป็นมหาอำนาจลูกหนัง เหมือนลิเวอร์พูลยุครุ่งเรืองทศวรรษที่ 80
เริ่มเส้นทางกุนซือ กับดีลสุดแหวกแนว “แชปแมน” สร้างความตื่นตาตื่นใจเมื่อตอนคุมทีม อาร์เซน่อล ด้วยการคว้าตัวตัว “ชาร์ลี บัคคั่น” พ่วงด้วยข้อเสนอพิเศษที่ไม่เหมือนใครในยุคนั้น โดยเจ้าตัวยินดีทุ่มเงิน 2,000 ปอนด์ บวกกับหากว่า บัคคั่น ทำประตูได้จะมีลูกอัดฉีดเพิ่มให้ประตูละ 100 ปอนด์

ในฐานะกุนซือใหญ่ ของ อาร์เซน่อล แชปแมน ฉายแววการคุมวินัยลูกทีม, อีกทั้งแนวความคิดที่ล้ำสมัย, ความสามารถด้านจิตวิทยา จนกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสนามอย่างแท้จริง

ด้วยความสามารถอันหลากหลาย แชปแมน ยังเป็นผู้คิดค้นแผนการเล่น ที่ทั่วโลกรู้จักและใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน คือการเป็นต้นตำรับแผนการเล่นในการวางตำแหน่ง “สต๊อปเปอร์ หรือ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ” เพื่อจัดการแผงหลังใหม่ เมื่อมีการเพิ่มกติกาการเช็คล้ำหน้าเข้ามานั่นเอง

นอกจากความสามารถในด้านการคุมทีมแล้ว แชปแมน ยังเป็นผู้ริเริ่ม ความล้ำสมัยด้วยการทดลองเล่นฟุตบอลด้วยลูกบอลสีขาว, การติดปุ่มใต้รองเท้าสตั๊ด, การเคลือบรองเท้าสตั๊ดให้สามารถใช้งานได้ทุกสภาพอากาศ, การใช้ไฟเพิ่มความสว่างในสนาม เท่านั้นยังไม่พอ แชปแมน ยังทำการแจ้งคณะกรรมการขนส่งมวลชน ของอังกฤษ ให้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟใต้ดินสาย กิลสพาย ที่อยู่ใกล้สนามฟุตบอลไฮบิวรี่ ให้เป็นชื่อสถานนี “อาร์เซน่อล” ได้สำเร็จ

เป็นที่น่าเสียดายที่บุคคลสำคัญอย่าง เฮอร์เบิร์ต แชปแมน ขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีม อาร์เซน่อลอยู่นั้นต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคปอดบวมในวัยเพียง 55 ปี ทว่าเขาได้ฝากเรื่องราวเกียรติประวัติอันน่าทึ่งไว้จนเป็นตำนานเล่าขาล อีกทั้งยังมี รูปปั้นของเขาตั้งตระหง่านในห้องโถงของสนามไฮบิวรี่ รวมไปถึงที่หน้าสนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม อีกด้วย

3. ยุคสมัยแห่งกุนซือเมืองน้ำหอม
กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ ในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ (Arsène Wenger) เจ้าตัวเข้ารับตำแหน่งกุนซือ อาร์เซน่อล อย่างเป็นทางการครั้งแรกในฤดูกาล 1996 และทำหน้าที่ผุ้จัดการทีมแบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรกของเขาที่ถิ่น ไฮบิวรี่ ในฤดูกาล 1997/1998

ดับเบิ้ลแชมป์ประวัติศาสตร์ “เวนเกอร์” สร้างผลงานสุดว้าว ด้วยการพา อาร์เซน่อล คว้าดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ ลีก และ เอฟเอคัพ มาครองได้สำเร็จ โดยนับว่านับเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยผลงานของกุนซือชาวฝรั่งเศสรายนี้ และในปีเดียวกัน เวนเกอร์ ยังคว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองอีกด้วย
เวนเกอร์ เริ่มต้นฤดูกาล 1998/99 กับ อาร์เซน่อล ด้วยการคว้าแชมป์แชริตี้ชิลด์ไปครอง แต่ก็จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่ง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครอง
อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลต่อมาประวัติศาสตร์ยังคงซ้ำรอย ปืนใหญ่อีกหน อาร์เซน่อลออกสตาร์ทด้วยการพิชิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในแชริตี้ชิลด์ ฤดูกาล 1999/2000 ได้สำเร็จ แต่ก็จบฤดูกาลลงอย่างน่าผิดหวังโดยแพ้ในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพให้กับ กาลาตาซาราย ยอดทีมจาก ตุรกี ในซัมเมอร์นั้นเอง

โชคชะตายังคงไม่เข้าข้าง กุนซือ เมืองน้ำหอมอีกเช่นเคย หลัง อาร์เซน่อลต้องจบฤดูกาลด้วยความขมขื่น จากตำแหน่ง รองแชมป์พรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพในฤดูกาล 2000/01 ตามเดิม แต่ทว่าผลงานของเขาก็น่าประทับใจไม่น้อย เมื่อสามารถพา ทีมปืนใหญ่ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก แต่ก็ตกรอบอย่างน่าเสียดายในปีนั้น

กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ สู่วันที่รอคอยเดินทางมาถึง หลังจากดับเบิ้ลแชมป์ประวัติศาสตร์ เวนเกอร์ ผ่านไป 4 ปี เขาก็สามารถปลุก ปืนใหญ่ให้ลุกสร้างประวัติศาสตร์ให้ตนเองอีกครั้ง เมื่อเขานำทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ครั้งที่สองในฤดูกาล 2001/02 มาครองได้สำเร็จ โดยอาร์เซน่อลคว้าแชมป์เอฟเอคัพ มาครองด้วยการชนะเชลซี 2-0 ในมิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ก่อนที่ปืนใหญ่จะจบฤดูกาลนั้นพร้อมสถิติชนะติดต่อกัน 13 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 12 ไปครอง และ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ในปีนั้นไปครองเช่นเคย

ครองแชมป์ด้วยสถิติไร้พ่าย ในฤดูกาล 2003/04 เวนเกอร์ พาอาร์เซน่อลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองได้อีกสมัยโดยครั้งนี้ เขาเขียนประประวัติศาสตร์ให้ตนเองอีกครั้ง หลังพาทีมไม่แพ้ใครเลยตลอดฤดูกาล พร้อมทำคะแนนทิ้งห่าง เชลซี ทีมอันดับสอง ไปถึง 11 แต้ม สู่การเถลิงแชมป์ลีกสมัยที่ 13 ของทีมอย่างยิ่งใหญ่

ปิดฉาก 22 ปีอันยายวนาน. หลายคนเข้าใจตรงกันว่าช่วงหลัง เวนเกอร์ โดนวิจารณ์ถึงความสำเร็จที่ห่างหายไปนานนับตั้งแต่ เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2003-2004

เวนเกอร์ กล่าวสั้นๆ ว่า “หลังจากที่ผมพิจารณาอยู่นานมาก อีกทั้งผมยังได้คุยกับทางสโมสรแล้วว่า มันคือช่วงเวลาที่เหมาะสมของผมแล้ว ที่จะก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาลนี้ ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้ทำหน้าที่รับใช้สโมสรแห่งนี้มานานถึง 22 ปี”
และทั่งหมดที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้สร้างผลงานการคว้าแชมป์ฟุตบอลรายการสำคัญๆ อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 สมัยกับ แชมป์เอฟเอ คัพ อีก 7 สมัย ตลอดจนเคยพา ไอ้ปืนใหญ่ ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2006 ก่อนจะพ่าย “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา 1-2 ไปอย่างน่าเสียดาย

4. ตำนาน ไร้พ่าย และ 11 ขุนพล 2003-2004
อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญ ของสโมสร อาร์เซนอล โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาล 2003-2004 ซึ่งขณะนั้นเป็น ยุค ของปืนใหญ่ ไร้พ่าย เป็นยุคที่สร้างชื่อจนเป็นที่จดจำมากที่สุดปีหนึ่ง จากสถิติผลงานแชมป์ไร้พ่าย พรีเมียร์ลีกของทีมนั่นเอง / กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่

กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่ หลายคนยังจำกันได้ ฤดูกาลที่ 109 ของ อาร์เซนอล อาร์แซน เวนเกอร์ พาทีมจบฤดูกาล ด้วยสถิติชนะ 26 นัดและเสมอ 12 นัด ไม่แพ้ใคร ทำให้ชื่อของสโมสร อาร์เซนอล ถูกกล่าวขานและจารึกไว้ใน ประวัติศาสตร์ ของ พรีเมียร์ลีก มาจนถึงปัจจุบัน
สูตรบาคาร่า | SA GAMING | บาคาร่าsa

ผู้รักษาประตู เยนส์ เลห์มันน์ (Jens Lehmann)

จอมหนึบ ชาว เยอรมัน คือ ผู้รักษาประตูคนสำคัญที่ช่วยให้ ปืนใหญ่ คว้า แชมป์ไร้พ่าย พรีเมียร์ลีก และย้ายออกจากทีมในปี 2008
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โคโล่ ตูเร่ (Kolo Touré)

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่โดนกระแสวิจารณ์อย่างหนักหลังย้ายเข้ามาร่วมทีมกับ อาร์เซนอล ในปีแรก แต่ทว่าปีต่อมาเขาสามารถยกระดับยึดตำแหน่งตัวจริง เล่น คู่กับ โซล แคมพ์เบลล์ และช่วยให้ทีม คว้าแชมป์ ไร่พ่าย ในปีนั้น
แบ็คขวา โลร็อง เอตาเม่ Laureano Etame

แม้อันที่จริง เอตาเม่ จะถนัดเล่นในตำแหน่ง ปีกขวา แต่ทว่า กุนซือชาวฝรั่งเศส มอบหมายให้เขาเล่น ตำแหน่ง แบ็คขวา และ แจ้งเกิดได้อย่างงดงาม ก่อนที่ปี 2007 เขาจะหมดสัญญา และย้ายไปค้าแข้งกับ พอร์สมัธ
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โซล แคมพ์เบลล์

สุดยอดกองหลัง ที่ดีที่สุด ของทีมชาติอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งมีส่วนช่วย อาร์เซนอล ไร้พ่าย และ เป็น ผลงานโบว์แดง ของ เวนเกอร์ หลังย้ายมาจาก อริร่วมเมืองอย่าง “ไก่เดือยทอง” ท๊อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
แบ็คซ้าย แอชลีย์ โคล

อีกหนึ่งผลิตผล ชั้นยอด ยุคไร้พ่าย โดยในปี 2006 เขาตัดสินใจ ย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี และ ยุติการค้าแข้งกับ แอลเอ กาแลคซี่ ที่ สหรัฐอเมริกา
ปีกขวา เฟรดริค ลุงเบิร์ก

ปีกจอมจบสกอร์สำคัญ ยุคไร้พ่ายโดยหลังจากที่ อำลาจาก การเป็นนักเตะ ได้มาเป็นผู้ช่วยโค้ช กับ อาร์เซนอล ในปัจจุบันนี้
มิดฟิลด์ กิลแบร์โต้ ซิลวา

ห้องเครื่องเลือด แซมบ้า สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม นับตั้งแต่ยุคไร้พ่ายจนทำให้ทุกวันนี้ สโมสรอาร์เซนอล ยังไม่สามารถหา นักเตะมิดฟิลด์ที่มีฟอร์มการเล่นเช่นเขา มาแทนที่ได้อีกเลย
มิดฟิลด์ ปาทริค วิเอร่า

ตำนานดาวดังแห่ง อาร์เซนอล ขนานแท้ พร้อมถูกขนานนามว่า “กัปตันฮาร์แมน” โดยเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเสมือนเป็นหัวเรือใหญ่ของเพื่อนร่วมทีม ปัจจุบัน เขาทำหน้าเป็น ผู้จัดการทีม ให้กับ นีซ ใน ลีกเอิง ฝรั่งเศส
ปีกซ้าย โรแบร์ ปิแรส Robert Pirès

ปีกหน้าหล่อ คู่ขาทำประตู ของ เธียร์รี อองรี เขา คือ ปีกนักปั้น ของ อาร์เซนอล ยุคไร้พ่าย ขนานแท้ จากผลงาน จ่าย-ยิง ของเขา จนสามารถช่วยทีมสร้างสถิติไร้พ่าย 49 นัดได้มาจนถึงปัจจุบัน
กองหน้า เดนนิส เบิร์กแคมป์

หอกผู้กลัวการนั่งเครื่องในตำนาน ที่ หลายคน ขนานนามว่าเขาคือ ดาวยิงชาวดัดซ์แมน ที่ยิงประตูสุดสวยให้เหล่า กูนเนอร์ ได้ชื่นชมมาโดยตลอด 10 ปี ใน ถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก่อนประกาศอำลาทีมไปเมื่อปี 2006
กองหน้า เธียร์รี่ อองรี

โคตรกองหน้าระดับพระกาฬ เลือดน้ำหอม เขาคือ 1 ใน ตำนานยอด 11 ขุนพลไร้พ่าย ที่โด่งดัง และ เก่ง ที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยไสตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถพาบอลเข้าทำได้อย่างหลากหลาย ทำให้เขาเป็นหนึ่งเดียวตลอดกาลของ ตำนาน อาร์เซนอล ที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้
5. ถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ
เป็นที่ทราบกันว่า สโมสร อาร์เซนอล คือทีมที่มีประวัติศาสตร์ การคว้าแชมป์ อย่างยาวนาน และ เราได้รวบรวม ประวัติการการคว้าแชมป์ทั้งหมด ของทีม อาร์เซนอล ไว้ดังต่อไปนี้

ดิวิชัน 1 และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
คว้าแชมป์ 13 สมัย ได้แก่ : ฤดูกาล 1930-31, 1932-33, 1933-34, 1934-35, 1937-38, 1947-48, 1952-53, 1970-71, 1988-89, 1990-91, 1997-98, 2001-02, 2003-04
เอฟเอคัพ
คว้าแชมป์ 13 สมัย ได้แก่ : ฤดูกาล 1930, 1936, 1950, 1971, 1979, 1993, 1998, 2002, 2003, 2005, 2014, 2015, 2017
ลีกคัพ
คว้าแชมป์ 2 สมัย ได้แก่ : ฤดูกาล 1987, 1993
คอมมิวนิตีชิลด์
คว้าแชมป์ 15 สมัย ได้แก่ : ฤดูกาล 1930, 1931, 1933, 1934, 1938, 1948, 1953, 1991 (แชมป์ร่วม), 1998, 1999, 2002, 2004, 2014, 2015, 2017
รายการระดับทวีปยุโรป
ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
รองแชมป์ฯ : ฤดูกาล 2006
ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ
คว้าแชมป์ฯ : ฤดูกาล 1994
ยูฟ่าคัพ หรือ ยูฟ่ายูโรปา ลีก
รองแชมป์ฯ : ฤดูกาล 2000
ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ
รองแชมป์ฯ : ฤดูกาล 1994

